สำนัก

โดย
สำนักการกระจายอำนาจและปกครองตนเอง(กอ-ปอ)
Decentralization & Local Autonomy Agency(DLA)

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

A Tale of the Two Cities

A Tale of the Two Cities
ด้านมืดและสว่างในใจมนุษย์ ท่ามกลางการต่อสู้ทางชนชั้น



เมื่อคืนข้าพเจ้าหยิบ VCD เรื่อง The Tale of the Two Cities ฉบับที่สร้างโดย บริษัทฮอลล์มาร์ก สำหรับฉายทาง TV CBS    (ปี 1980/2523) ซึ่งกำกับโดยJim Goddard  มาดู ก็สนุกดีครับ มีบริบทของเรื่องเป็นยุคสมัยของการปฏิวัติประชาธิปไตยของฝรั่งเศส หนังยาวตั้งเกือบ 3 ชม. แต่ก็ดูเพลินดี ไม่ง่วง
หนังเรื่องนี้ พวกนักเรียน/นักศึกษาสายศิลป์ภาษา หรือใครที่พอชอบอ่านวรรณกรรมระดับโลก หรือสนใจติดตามศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองของโลกก็ต้องพอรู้จักกันมั่งว่า หนังเรื่องนี้สร้างจากวรรณกรรมชิ้นเอกของ Charles Dickens นักเขียนนิยายชาวอังกฤษนามกระเดื่อง(1812/2355 – 1870/2413) คือคนเดียวกันที่เขียน Oliver Twist นั่นแหละครับ

สรุป Plot อย่างย่อ

Dickens ใช้เรื่องราวของความรัก 3 เส้า ของหนึ่งหนุ่มชาวฝรั่งเศส หนึ่งสาวชาวอังกฤษและอีกหนึ่งหนุ่มชาวอังกฤษในท่ามกลางสถานการณ์การลุกฮือปฏิวัติประชาธิปไตยของชนชั้นกลางและไพร่ทาสในประเทศฝรั่งเศส(ช่วงปี 1789/2332)เป็นตัวเดินเรื่อง เพื่อนำไปสู่ Theme ซึ่งจะกล่าวต่อไปข้างหน้า

เริ่องเริ่มที่ Charles Darnay หนุ่มชาวฝรั่งเศสชนชั้นขุนนางศักดินาตระกูล Evremonde  แต่มีความคิดสมัยใหม่ ได้ละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายไว้เบื้องหลังแล้วอพยพไปอยู่อังกฤษ  ระหว่างทางไปอังกฤษได้เจอและชอบพอกันกับสาวสวยชาวอังกฤษชื่อ Lucie Manette (Lucie เดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อพาพ่อของเธอซึ่งเป็นหมอกลับอังกฤษ หลังจากที่พ่อของเธอถูกปล่อยตัวออกมาจากการขังลืมในคุกบาสตีย์นานถึง 16 ปี)

Charles Darnay เมื่อมาอยู่อังกฤษก็ถูกจับขึ้นศาลข้อหาเป็นสายลับให้ฝรั่งเศส(ช่วงนี้ เป็นช่วงที่อังกฤษกับฝรั่งเศสทะเลาะและทำสงครามแย่งดินแดนกันในเอมริกาเหนือ ) Darnay ก็ได้รับการช่วยเหลือในการเป็นพยานความบริสุทธิ์จาก Lucie และพ่อของเธอ โดยมี Sydney Carton (หนุ่มชาวอังกฤษ ชนชั้นกลาง-อาชีพทนายความ นิสัยห่ามและขี้เมา)เป็นทนายว่าความให้จนพ้นผิด

ทั้ง Darnay และ Carton เสือกมีหน้าตาคล้ายกัน  และทั้ง 2 ก็หลงรัก Lucie เหมือนกัน
แต่  Lucie เลือกแต่งงานกับ Darnay และมีลูกด้วยกัน 1 คน ส่วน Carton ก็ได้แต่เก็บความรักของเขาที่มีต่อ Lucie ไว้ในใจเอาไว้แกล้มเหล้ายามเดียวดายค่ำคืนใต้เงาจันทร์

ต่อมาเกิดการลุกฮือโค่นล้มระบอบศักดินาในฝรั่งเศส  Darnay ได้รับจดหมายจากคนรับใช้เก่าของเขาสมัยที่อยู่ตระกูล Evremonde  ว่าได้ถูกจับและกำลังจะถูกประหารชีวิตข้อหาเป็นขี้ข้ารับใช้ศักดินา Darnay จึงรีบเดินทางกลับฝรั่งเศสอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือคนรับใช้ของเขา  แต่ Darnay กลับถูกแกนนำมวลชนปฏิวัติที่ชื่อ Teresa Defarge แจ้งความให้กองกำลังฝ่ายปฏิวัติเข้าจับกุมในข้อหาเป็นพวกขุนนางศักดินาชั่ว(Teresa Defarge เคียดแค้นชิงชังต่อ Marquis of Evremonde ขุนนางโฉดชั่ว ผู้เป็นอาของ Darnay ซึ่งทำให้น้องสาวของเธอถูกฆ่าตาย และเธอสาบานว่าจะต้องทำลายล้างคนในตระกูล Evremonde ทุกคนไม่ให้เหลือ)



Lucie และพ่อของเธอ(Dr. Manette) เดินทางมาฝรั่งเศสเพื่อหวังช่วย Darnay ให้รอดพ้นจากการถูกประหารด้วยกีโยติน (Dr. Manette พอจะมีบารมีอยู่บ้างในฐานะหมอที่เคยอุทิศตนช่วยเหลือมวลชนไพร่ในฝรั่งเศส จนถูกพวกขุนนางฝรั่งเศสกลั่นแกล้งและจับขังคุกบาสตีย์นานถึง 16 ปี) โดยการเป็นพยานแก้ต่างว่า Darnay ได้เลิกฐานะและความคิดแบบศักดินาไปนานแล้ว ในที่สุดศาลของฝ่ายปฏิวัติก็พิพากษาให้ Darnay พ้นความผิดและให้ปล่อยตัวเป็นอิสระ

แต่เหตุการณ์พลิกผัน เมื่อ Teresa Defarge งัดเอา สมุดบันทึกน้อยของ Dr. Manette ที่เขียนไว้เมื่อครั้งที่อยู่ในคุกบาสตีย์ ออกมาเป็นหลักฐานว่า Dr. Manette เองเคยเขียนไว้ว่าตระกูล Evremonde เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกจับขังคุกอย่างทุกข์ทรมาน และหากเมื่อเขาได้ออกจากคุกเมื่อใด เขาจะต้องจัดการคนในตระกูลนี้ให้สาสมเช่นเดียวกัน  คราวนี้ Darnay จึงถูกจับอีกครั้ง ลูกขุนลงคำพิพากษาให้มีความผิดและให้ประหารชีวิตด้วยกีโยติน

Lucie และ Dr. Manette ได้ส่งข่าวให้ Sydney Carton รีบมาช่วย Darnay  ซึ่ง Carton รับปากว่าเขาจะพาตัว Darnay กลับมาสู่อ้อมแขนของ  Lucie ให้ได้อย่างแน่นอน  แต่ท่ามกลางกระแสการลุกฮือปฏิวัติของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่ลุกลามอย่างรุนแรง  ทุกอย่างสายเกินแก้  รุ่งเช้าวันต่อมา กองกำลังฝ่ายปฏิวัติ นำตัว Darnay ขึ้นสู่แท่นประหาร ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสาบแช่งและขว้างปาก้อนหินของฝูงมวลชนที่รายล้อมรอดูการประหาร เพชฌฆาตจับตัว Darnay มัดติดกับแผ่นกระดานใต้เครื่องประหารกีโยติน กดล๊อคคอของเขาให้อยู่ในตำแหน่ง พร้อมกับปล่อยเชือกให้ใบมีดเหล็กแผ่นหนาคมวิ่งลงมาตัดหัวของเขาจนขาดกระเด็น

ในระหว่างเช้าวันนั้นเอง Lucie และ Dr. Manette  รีบเดินทางออกจากฝรั่งเศสและหยุดรอระหว่างทางกลับอังกฤษ ตามแผนการที่ Carton ได้นัดแนะเอาไว้ว่าจะพาตัว Darnay มาส่งให้ และในที่สุดก็มีคนนำ ตัว Darnay ที่อยู่ในสภาพหมดสติมายังจุดนัดหมายจริงๆ ...กองกำลังฝ่ายปฏิวัติไล่ติดตามมาจนทันและเข้าตรวจค้นรถม้า พบเอกสารในกระเป๋าเสื้อของ ระบุว่าเป็น Sydney Carton จึงปล่อยให้รถม้าคันนั้นเดินทางกลับอังกฤษได้ตามสะดวก .... Dr. Manette ถึงกับตลึงงันเงียบอึ้งไปครึงค่อนวัน และแน่นอน Lucie น้ำตาไหลอาบแก้มตลอดทาง ..เธอรับรู้แล้วว่าความรักที่ Carton มีให้เธอนั้น เป็นความรักที่ยอมได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อแลกกับความสุขของเธอ
(Carton วางแผนเข้าไปหา Darnay ในคุก โปะยาสลบ Darnay  แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองสลับใส่ให้ Darnay แทน และให้สายลับอุ้มพา Darnay ออกไปหา Lucie ตามที่นัดแนะไว้)
  
นี่แค่ Plot ก็สนุกแล้ว Dickens เขียนนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อ 152 ปีที่แล้ว โอ้โฮ
พรุ่งนี้มาต่อกันใหม่ จะคุยถึง Theme และบริบทเบื้องหลังทางเศรษฐกิจการเมืองที่เกี่ยวข้องกับนิยายเรื่องนี้ รวมถึงคุยถึงตัว Charles Dickens ด้วยครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น